3/11/60

i'm seol ♢ 8 [2/2]

3/11/60
         (บรรยายเพิ่มเติมจากจอยลดาจ้า)




         พอเข้ามาในบ้านก็เจอพ่อกับแม่และคินนั่งหน้าเครียดกันอยู่หน้าทีวี แต่พอได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาในบ้านทั้งสามคนก็หันมามอง และเป็นแม่ที่วิ่งพุ่งเข้ามากอดฉันแน่น

         "ซอล... แม่เป็นห่วงหนูจะตายอยู่แล้ว ไปไหนมาน่ะเรา บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปนั่งแท็กซี่ให้กลับรถเมล์ พ่อกับแม่เป็นห่วงมากนะรู้มั้ย" พอกอดฉันได้แม่ก็บ่นออกมาชุดใหญ่ ส่วนฉันก็น้ำตาแตกจนพูดอะไรไม่รู้เรื่องได้แต่พยักหน้าตอบๆแม่ไป

         ส่วนพ่อเมื่อเห็นว่าแม่ผละออกไปแล้วก็เดินเข้ามากอดฉันแน่น ไม่ได้บ่นหรือพูดอะไรเหมือนแม่ แต่พ่อทำเพียงแค่กอดปลอบแล้วลูบหัวฉัน ตอนเด็กๆเวลาฉันเจอเรื่องร้ายๆพอก็จะทำแบบนี้ เขาบอกว่ามันเป็นการเรียกขวัญที่หนีกระเจิงไปตอนตกใจ

         เมื่อฉันเริ่มหยุดร้องไห้พี่มินก็ขอตัวออกไปคุยกับพ่อแม่ข้างนอก บอกว่าตอนนี้ฉันคงเล่าอะไรไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวพี่เขาเล่าให้พ่อกับแม่ฟังเอง ส่วนเรื่องแจ้งความก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขาและพ่อแม่

         "มึงไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ" ฉันหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆแล้วพยักหน้าตอบมันไป

         "รู้สึกผิดว่ะ ถ้ากูไปกับมึงด้วยก็คงไม่เป็นแบบนี้"

         "..."

         "ถ้าตอนนั้นกูตอบไลน์มึงเร็วกว่-"

         "มันไม่ใช่ความผิดมึง ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องโทษตัวเอง ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นหรอก แค่ตอนนี้กูปลอดภัยไม่ได้เป็นอะไรก็ดีแล้ว ถือซะว่ามันเป็นประสบการณ์การนั่งแท็กซี่ที่ต่อไปนี้กูจะไม่นั่งอีกแล้ว"

         "แต่กูก็รู้สึกผิดอยู่ดี"

         "อันที่จริงคนที่ควรจะนั่งหน้าเป็นหมาหงอยควรเป็นกูมากกว่ามึงมั้ย ใช่เรื่องที่กูจะต้องมานั่งปลอบมึงว่ามึงไม่ผิดปะ" ปัญญาอ่อนจริงๆเพื่อนกู มานั่งหน้าสลดอมทุขอยู่ได้ คนที่ควรจะเป็นแบบนั้นหน้าจะเป็นคนที่เพิ่งเจอเรื่องร้ายๆมาแบบกูมากกว่าปะวะ

         "เห้ย!" จู่ๆคนที่นั่งอยู่ข้างๆก็เอื้อมมือมาคว้าแขนฉันให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอด จนตอนนี้หน้าฉันจมอยู่ในอกมันแล้วเรียบร้อย

         "ขอบคุณนะ... ขอบคุณที่ปลอดภัยกลับมาหากู" มึงอย่าทำซึ้งดิคิน กูอุตส่าหยุดร้องไปแล้วนะ ไม่อยากร้องแล้วเว้ย เดี๋ยวตาบวมแล้วกูไม่สวย

         "ฮึก... ฮืออ.." นั่นไง เชี้ยเอ้ย สุดท้ายกูก็ร้อง

         ฉันกดหน้าลงไปที่หน้าอกของอีกคนเพราะไม่อยากให้มันเห็นหน้าตอนร้อง แค่เมื่อกี้ก็ตลกจะแย่อยู่แล้ว มาเห็นรอบสองอีกนี่ไม่ไหวอะ เสียภาพลักษณ์คนสวยหมด

         เรากอดกันฉันเลิกร้องไห้ คินก็ผละออกแล้วเอามือมายีหัวฉันจนผมที่ยุ่งอยู่แล้วยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่

         "ไอขี้แย เคยเปลี่ยนไปบ้างมั้ยมึงอะ"

         "ใครขี้แยมึงพูดดีๆ แล้วเอามือออกไปจากหัวกูได้แล้ว ยุ่งหมดแล้วเนี้ย"

         ไอขี้แยเป็นฉายาที่คินชอบเรียกฉัน เพราะตอนเด็กๆฉันมักจะโดนเพื่อนแกล้งแล้วไม่สู้ได้แต่กลับมาร้องไห้กับคินที่บ้าน เวลาฉันร้องไห้คินจะเข้ามากอดจนกว่าฉันจะหยุดร้อง แล้วฉันเป็นพวกที่ถ้าได้ร้องจะร้องนานมาก จนเป็นที่มาของฉายาขี้แย ถึงจะไม่ค่อยชอบแต่ก็ต้องยอมว่าตัวเองขี้แยจริงๆล่ะนะ

         "คินลูก หนูกลับบ้านไปเถอะเดี๋ยวซอลพ่อกับแม่จะดูแลเองนะ" เมื่อพ่อกับแม่เข้ามาในบ้าน แม่ก็เดินมาบอกให้คินกลับบ้านเพราะพรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแถมตอนนี้ก็ดึกมากแล้วด้วย

         "ครับ" พูดจบคินก็หันมามองฉันแล้วโบกมือไปมา ฉันจึงบอกมือกลับ แล้วมันก็เดินออกจากบ้านไป

         "พี่มินกลับไปแล้วหรอแม่"

         "กลับไปแล้ว เห็นพี่เขาว่ามีเพื่อนเป็นตำรวจอยู่ เดี๋ยวให้เพื่อนจัดการให้ ส่วนซอลก็ไปอาบน้ำนอนได้แล้ว พรุ่งนี้แม่ให้หยุดได้หนึ่งวัน"

         "ไม่เอาอะแม่ หยุดแล้วเดี๋ยวไม่ทันเพื่อน"

         "หืม... ปกติถ้าคนอื่นได้โอกาสแบบนี้จะรีบหยุดแล้วนะ และไปเจอเรื่องแบบนั้นมาจะไปเรียนไหวแน่หรอ"

         "หนูไม่ได้เป็นอะไร มันไม่ได้ทำอะไรหนู พรุ่งนี้ไปเรียนได้สบาย" พอฉันพูดจบแม่ก็พยักหน้าแล้วไล่ให้ฉันไปอาบน้ำอีกรอบ

         พออาบน้ำเสร็จฉันทักไปหาออนตัวต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องนั่งแท็กซี่ ตอนคอลกับมันก็เล่าไปด้วยบ่นมันไปด้วย จนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนออนก็ขอตัวไปนอนเพราะต้องไปเรียนนอนดึกมากไม่ได้ ฉันก็ควรนอนได้แล้วต้องตื่นไปเรียนเหมือนกัน

         แต่พยายามข่มตาหลับเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ซักที พอหลับตาภาพของผู้ชายสองคนนั้นก็ตามมาหลอกหลอนทุกที ฉันยังจำได้ทุกการกระทำของมันและความรู้สึกเหมือนตกนรกในตอนนั้น เมื่อหลับตาความรู้สึกพวกนั้นก็ชัดเจนจนกลัวและหลับไม่ลง

         ก๊อกๆ

         "ซอล แม่เข้าไปนะ" ในขณะที่ฉันกำลังกระสับกระส่ายนอนไม่หลับจู่ๆก็มีเสียงเคาะดังแทรกขึ้นมาทำเอาตกใจจนสะดุ้งโหยง แต่พอได้ยินเสียงของแม่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา

         "เข้ามาเลยแม่ หนูไม่ได้ล็อค" เพียงครู่เดียวแม่ก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นว่าแม่หอบสัมภาระเข้ามาจนเต็มมือ ทั้งหมอน ผ้าห่ม หมอนข้าง สงสัยจะมานอนด้วย

         "นอนไม่หลับหรอ นี่เที่ยงคืนแล้วนะ" แม่ล้มตัวลงนั่งขอบตรงขอบเตียงแล้วยิ่นมือมาลูบผมฉัน

         "อืม... หนูกลัว"

         "ไม่ต้องกลัวแล้วนะ คืนนี้แม่มานอนด้วยแล้ว" แล้วแม่ก็ย้ายมือมาวางบนแก้มของฉันเบาๆแต่ไม่รู้ทำไมพอมือแม่มาแตะที่แก้มเขาก็ทำหน้าตกใจใหญ่เลย "ทำไมตัวร้อนอย่างนี้ล่ะ"

         ห้ะ? ตัวร้อนหรอ? อย่าบอกนะว่าฉันไม่สบาย ก็ว่าทำไมมันหนาวขนาดนี้ หน้าหนาวก็ไม่ใช่ นี่ก็ห่มผ้าตั้งสองผืนแต่ยังไม่หายหนาวเลย

         "เดี๋ยวแม่ไปเอาปรอทวัดไข้ก่อน" พูดจบแม่ก็ลุกจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องไป

         ฉันหลับตาลงเพื่อพักสายตาสักพัก พอไม่สบายแล้วจะแสบตาตลอด แต่คราวนี้แปลกตรงที่พอหลับตาลง ความรู้สึกแย่ๆพวกนั้นก็หายไปแล้ว

         .

         .

         .

         "เดี๋ยวแม่ฝากคินอยู่กับซอลก่อนนะ แม่จะออกไปซื้อยาให้ซอล"

         "ครับ"

         ฉันลืมตาขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงของแม่กับคิน ว่าแต่ เสียงไอคินมาจากไหน?

         พอมองไปรอบๆห้องก็ไปเห็นใครนี่หว่า หรือกูหลอนไปเอง แต่พอมองลงมาที่ข้างเตียงก็เจอเขากับคุณชายภาคินกำลังนั่งอยู่ที่พื้นเอาคางเกยขอบเีตียงไว้ ส่วนมือของคินก็จับอยู่ที่มือฉันไว้แน่น

         "มึงมาได้ไงอะ"

         "ถามแปลกๆ ก็เดินมาดิ" สกิลกวนตีนของมันยังอยู่ครบ

         "แล้วแม่ไปไหน"

         "ไปซื้อยาให้มึงไง ไข้ขึ้นตั้ง 39" โห้.. ทำไมไข้สูงจังวะ

         "แล้วสรุปมึงมาได้ไง ขอแบบไม่กวนตีน"

         "กูขอให้แม่คอยไลน์บอกว่ามึงเป็นไงบ้าง มึงนอนเหอะเดี๋ยวคืนนี้กูเฝ้าเอง"

         "แล้วแม่กูไม่เฝ้าหรอ"

         "ช่วยกันเฝ้านี่แหละ กลัวมึงช็อคเลยต้องคอยดูตลอด"

         "ละมือนี่เมื่อไหร่จะปล่อย" ฉันเหลือบมองมือของคินที่ยังประสานอยู่กับมือฉันแน่น

         "กูกลัวมึงผวา นอนไปเหอะกูอยู่นี่แหละ"

         "อืม" ฉันหยักหน้าเบาๆแล้วหลับตาลง แต่เอาตรงๆคือนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะผวาหรือกลัวเหมือนตอนแรก แต่แค่รู้สึกรำคาญ... รำคาญเสียงหัวใจตัวเอง ที่มันเ้ต้นแรงจนฉันได้ยินชัดเจน

         ทั้งๆที่ไม่ได้ไปวิ่งหรือออกกำลังกายที่ไหนเลยแต่หัวใจกลับเ้ต้นแรงเหมือนตอนที่โดนทำโทษให้วิ่งรอบสนามสิบรอบ แค่ตอนนี้มันไม่ได้ีู้รู้สึกเหนื่อย มันเป็นความรู้สึกแปลกๆที่อธิบายไม่ถูก จะว่ารู้สึกดีก็ใช่ แต่ทำไมถึงรู้สึกดีล่ะ?

         จริงๆฉันก็ไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไร ถึงจะไม่เคยมีความรักหรือมีแฟนมาก่อน แต่การชอบใครสักคนฉันก็พอเข้าใจว่ามันเป็นยังไง มันคล้ายๆกับการชอบไอดอลแต่ต่างกันตรงที่ไอดอลนั้นเราชอบเขาแบบศิลปิน แต่สำหรับความรู้สึกตอนนี้อาจจะชอบแบบผู้ชายคนหนึ่ง

         แต่ชอบไอคินเนี่ยนะ... นั่นมันเพื่อนไม่ใช่หรอ....

         แล้วไอหัวใจห่าเหวนี่เมื่อไหร่มึงจะหยุดส่งเสียงดังสักที คนจะหลับจะนอน ไม่มีมารยาทเลยมึงเนี่ย อีฉิบหาย รำคาญโว้ยยยยย!!!!!!

i'm seol ♢ 8 [1/2]

    (บรรยายเพิ่มเติมจากจอยลดาจ้า)




          "ซอล"

         ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกขอเพื่อนสนิทอย่างออน พลางยกคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงถามว่ามีอะไร

         "กูว่านั่งแท็กซี่เหอะ จะได้ไม่ต้องรอนาน"

         "ไม่เอาอะ แพง" อะไรของไอเพื่อนคนนี้ อยู่ดีๆมาให้เราไปนั่งแท็กซี่ แพงชิบหายวายวอด ไม่นั่งหรอกโว้ย รถเมล์ถูกกว่าเยอะ รอนานหน่อยมันจะเป็นไรไป

         "เนี่ย แท็กซี่มาพอดี ไปเลยเว้ย" จู่ๆก็ออนก็โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งให้เข้ามาจอดตรงริมฟุตบาตที่เรายืนอยู่

         "เห้ย อะไรของมึงเนี่ย ก็บอกว่าจะกลับรถเมล์" ฉันรีบท้วงขึ้นมาทันทีเพราะอีเพื่อนคนนี้มันกำลังดันให้ฉันเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่ให้ได้

         "เออหน่า เรียกให้แล้ว กูไม่อยากให้มึงรอรถเมล์นาน มันอันตราย" สุดท้ายมันก็ยัดฉันเข้ามานั่งในรถได้สำเร็จ แถมบอกทางคนขับเสร็จสรรพ 

         จริงๆแล้วแท็กซี่เนี่ยอันตรายกว่ารถเมล์อีกนะ ก็แค่รอนานหน่อยจะเป็นอะไรไป แย่หน่อยก็คนเต็มต้องยืนโหนราวเอา แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรซักหน่อย คนในรถเยอะแยะจะมาทำอะไรเราได้ แต่แท็กซี่นี่ดิ... นั่งอยู่ในรถกันสองคน ไม่ได้ขับประจำทาง มันจะพาเราไปข่มขืนที่ไหนก็ได้ อีกอย่างฉันก็เป็นผู้หญิง ให้มานั่งรถแท็กซี่คนเดียวเนี่ยนะ ถ้าแม่รู้โดนบ่นยับชัวร์

         แต่ในเมื่อเข้ามานั่งในรถแล้วจะไปทำอะไรได้ ก็ได้แต่หวังว่าลุงคนขับจะพาฉันไปส่งถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ให้ตายเหอะ เพราะยัยเพื่อนตัวดีแท้ๆ หวังดีไม่เข้าเรื่อง

         นั่งไปได้สักพักฉันก็เริ่มรู้สึกว่ามันทะแม่งๆ ทางนี้มันไม่ใช่ทางกลับบ้านฉันนี่ ลุงแกพาไปไหนเนี่ย!!

         "เออ... ลุงคะ ทางนี้ไม่ได้ไปบ้านหนูนะคะ"

         "ทางนี้ทางลัด แถวบ้านหนูลุงเคยไปส่งผู้โดยสารบ่อย ทางนี้มันถึงเร็วกว่า" ลุง... กูรู้ว่ามึงหลอกกู อย่ามาต้มกูนะอีลุงนี่ ทางนี้มันคนละทางเลยเว้ย มันจะไปลัดได้ไงวะ 

         "งั้นลุงปล่อยหนูลงตรงนี้เลย"

         "อ้าว ทำไมล่ะ" ไม่หน้าถาม ก็กูไม่อยากไปกับมึงแล้วไงอีห่า

         "พอดีบ้านเพื่อนหนูอยู่แถวนี้ วันนี้หนูจะนอนบ้านมัน"

         "แต่อีกนิดเดียวก็จะทะลุซอยบ้านหนูแล้วนะ จะถึงบ้านแล้วก็ไปลงบ้านเลยทีเดียว"

         "คือ... หนูลืมของอยู่บ้านมันด้วย ว่าจะแวะไปเอาอะค่ะ"

          "โอเคๆ งั้นลงตรงนี้เลยนะ" ว่าแล้วลุงแกก็หักพวกมาลัยไปจอดอยู่ข้างๆทาง

         โอ้โห้.... เปลี่ยวยังกะหนังผี

          "ลุงช่วยพาหนูออกจากซอยนี้หน่อยได้มั้ยคะ? มันเปลี่ยวอะ"

         "ก็บอกจะลงตรงนี้ไม่ใช่หรอ ก็ลงไปดิ" ลุงเริ่มออกฤทธ์ละ

         "แต่ตรงนี้มันเปลี่ยวนะลุง จะให้ผู้หญิงคนเดียวมาเดินอยู่แถวนี้อะหรอ?"

         "บอกเองไม่ใช่หรอว่าบ้านเพื่อนอยู่แถวนี้"

         "มันอยู่แถวนี้แต่ไม่ได้อยู่ในซอยนี้ ที่นี่หนูไม่เคยมา"

         "ไม่รู้ล่ะ บอกจะลงก็ลง เอาเงินมาจ่ายด้วย" 

         "เท่าไหร่?"

         "340" พระเจ้า!! ขับมาแค่นี้ 340 บาท ลุง... กูว่ามึงโกงกูแล้วแหละ

         "อะไรอะลุง ขับมาแค่นี้ตั้งสามร้ายกว่าบาทแพงไปปะ"

         "จะจ่ายไม่จ่าย ไม่จ่ายกูปาด" ชิบหายละ แถวนี้ไม่มีคนเดินผ่านด้วย ทำไงดีว่ะ ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลืออยู่แค่สามร้อยกับเศษอีกห้าสิบ ถ้าจ่ายแม่งไปก็เหลือแค่สิบบาทดิ ขูดเนื้อสุดๆ

         แต่ถ้ามันปาดคอขึ้นมาจริงๆเรานี่แหละจะแย่ นอกจากจะตายแล้วมันยังเอาเงินไปอีก แถมมันจะทำอะไรกับร่างกายเราตอนไม่มีลมหายใจแล้วก็ไม่รู้ จ่ายก็จ่ายวะ ไอหน้าเงินเอ้ย! จะจำทะเบียนรถเอาไว้แล้วแจ้งจับมึง!!

         ฉันหยิบเงินในกระเป๋าที่มีอยู่น้อยนิดยื่นไปให้อีลุงคนขับรถหน้าเงินที่นั่งอยู่ข้างๆ 

         "แล้วก็ลงไปได้แล้ว" ถ้าส่งกูถึงบ้านแล้วค่อยโกงจะไม่ว่าสักคำ อย่างน้อยก็ถึงบ้านแล้ว นี่อะไร ที่ไหนก็ไม่รู้ แถมเงินติดตัวตอนนี้ก็เหลืออยู่แค่สิบบาท ค่ารถเมล์จะพอหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก่อนอื่นต้องหาทางออกไปจากอีซอยนี่ก่อน วังเวงชิบหาย ผีอะไม่กลัวหรอก กลัวคนด้วยกันนี่แหละ

         แต่จะเดินไปข้างหน้าหรือข้างหลังดี เพราะไม่รู้ว่าทางไหนมันทางออก กลัวเดินๆไปแล้วเจอทางตัน หรือไม่ก็พวกนักเลง ประมาณว่าถิ่นนี้ของกูใครมาเหยียบจะไม่มีทางรอดออกไปเด็ดขาด แค่คิดก็ขาแข็งก้าวไม่ออกแล้ว 

         คิน... เออว่ะ อีคิน ทักไปให้มันมารับดีกว่า อย่างน้อยมันก็มีมอไซต์ขับมารับ 

         ว่าแล้วก็กดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียว แล้วส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิทข้างบ้านที่รู้จักกันมาตั้งแต่อยู่ ป.1

        แต่ทักไปเท่าไหร่คินก็ไม่ยอมตอบซักที ถ้าไม่ใช่ตอนเช้า รัวแชทไปขนาดนี้มันหน้าจะตอบได้แล้วนะแต่ทำไมตอนนี้ถึงยังไม่อ่านอีก

         ฉันรัวแชทไปหาคินเรื่อยๆแต่เจ้าตัวก็ยังไม่อ่านซักที อะไรของมันวะ ทำไมเวลาคับคันถึงไม่มาตอบเนี่ย

         ppakin : ขอโทษนะคะ
         ppakin : นี่ใครเอ่ย?

         อะไร? กูมากกว่าปะที่ต้องถามว่ามึงอะใคร 

         U.seol : เธอเป็นใครอะ

         ppakin : เราเป็นแฟนคิน

         วอท??? อีคินมันมีแฟนด้วยหรอวะ?? เห็นมีแต่ผู้หญิงที่คุยเล่นๆ ไปมีแฟนเมื่อไหร่วะ อย่างนี้เจอกันต้องเคลียร์ แอบไปมีแฟนไม่บอกเพื่อนฝูง

         U.seol : คินมันมีแฟนด้วยหรอวะ

         ppakin : ก็เรานี่ไง
         ppakin : แล้วเธอล่ะใคร

         คบกับมันแล้วไม่รู้หรือไงว่านี่เพื่อนมัน คนเขาก็รู้กันทั้งโรงเรียนว่ากูกับมันเพื่อนสนิทกัน อีนี่ไปหลบอยู่หลุมไหนมา

         U.seol : เราเพื่อนคิน
         U.seol : บอกมันให้มาตอบเราหน่อย

         ppakin : เพื่อนจริงหรือเปล่า
         ppakin : ทำไมเราต้องให้ตอบ

         โว๊ะอีนี่ หึงไม่ดูเวล่ำเวลา กูจะโดนฆ่าหมกป่าอยู่แล้ว แฟนอีคินนี่คนไหนวะ บอกเลยนะว่าอีนี่กูไม่ถูกชะตาอย่างแรง

         U.seol : โอ๊ยยยยยย
         U.seol : มาหึงอะไรตอนนี้
         U.seol : บอกให้มันมารับเราหน่อยเหอะ

         ppakin : คินหลับอยู่ค่ะ
         ppakin : เมื่อกี้จัดหนักไปหน่อย
         ppakin : หน้าจะยังเพลียๆอยู่

         น่ะ... จำเป็นจะต้องอวด อวดไปก็เท่านั้นแหละมึง กูไม่ได้อิจฉา แต่คือตอนนี้กูกำลังโมโห มันใช่เวลามาอวดมั้ยว่าเพิ่งจัดหนักจัดเต็มมา อย่าให้อยู่ใกล้กูนะมึง เดี๋ยวมีหลังแหวน

         U.seol : เพลียไม่เพลียก็ปลุกมันขึ้นมา

         ppakin :  :)

         U.seol : ส้นตีน

         เอาล่ะกูไม่ชอบอีนี่ กูแอนตี้ค่ะอีคิน จะคบกันก็อย่าพามาให้กูเห็นหน้านะ เดี๋ยวตีนกูลั่น

         แล้วตอนนี้ใครมันพอจะพึ่งได้บ้างวะ... อ๋อ อีตัวดี ไอออนตัวต้นเหตุที่ทำให้กูต้องมาอยู่ตรงนี้

         แต่ออนก็มาแนวเดียวกับคิน คือรัวแชทไปแล้วก็ไม่อ่านไม่ตอบ เป็นไงล่ะ เพื่อนฉันแต่ล่ะคน เพื่อนดีศรีสยามไหมล่ะสังคม

         เอาวะ... ทักใครได้ก็ทักไปก่อนล่ะตอนนี้ 

         และก็เห็นว่าคนเพิ่งที่คุยไปไม่นานนี้ก็มีอยู่ไม่กี่คน พี่มินก็ได้วะ พี่เขาดูพึ่งพาได้สุดแล้ว

         และพอทักไปได้แค่สองประโยคพี่เขาก็ตอบเร็วอย่างสายฟ้าแลบ เร็วจนตกใจ คือพี่นั่งเฝ้าแชทอยู่หรือว่าไง

         พี่เขาบอกให้ฉันแชร์โลเคชั่น... แต่ปัญหาคือฉันแชร์โลเคชั่นไม่เป็น บรรลัยละ

         ตอนนี้ฉันยังยืนอยู่ที่เดิม ที่ที่อีลุงนั่นพามาปล่อยไว้นั่นแหละ เพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหนเลยได้แต่ยืนเฉยๆอยู่กับที่ แต่ตอนนี้คงต้องเดินแล้วแหละเพราะรู้สึกว่ามีคนเดินตามหลังมาสองคน ปิดหน้าปิดตาจนหน้ากลัวแถมยังเป็นตอนกลางคืนยิ่งเห็นหน้ายากเข้าไปใหญ่

         เพื่อให้แน่ใจว่ามันตามฉันจริงๆ ฉันเลยลองวิ่งดู จากตอนแรกที่วิ่งช้าๆตอนนี้ฉันต้องเร่งความเร่วขึ้น เพราะอีสองคนนั้นมันวิ่งตามมาจริงๆ!!

         ฉันวิ่งเข้าไปในตึกร้างที่สภาพจะพังอยู่ร่อมร่อแต่ตอนนี้ไม่มีที่ไหนที่สามารถแอบมันได้แล้ว ตอนนี้ฉันกลัวจนทำอะไรไม่ถูก มือไม้สั่นไปหมด จะพิมพ์ตอบพี่มินแต่ละประโยคก็ยากเย็นเหลือเกินเพราะมือสั่นจนพิมพ์ผิดจนต้องลบไปหลายรอบ

         minimin : เดี๋ยวพี่โทรไปแล้วซอลรับนะ

         พอพี่มินโทรไลน์เข้ามาฉันก็รีบกดรับทันที ดีที่ปิดเสียงเอาไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องเรียน ไม่งั้นสองคนนั้นต้องได้ยินเสียงโทรศัพท์ของฉันแน่ๆ

         "อยู่นี่เองน้องสาว" 

         "!!!!!!" 

         ทันทีที่หันไปทางต้นเสียงก็เจอเข้ากับผู้ชายตัวสูงใส่หมวกปิดหน้าเอาไว้คนหนึ่ง ฉันตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก วินาทีนั้นคิดแค่อย่างเดียวว่าต้องวิ่งหนีให้ได้ แต่ยังไม่ได้ทันได้วิ่งไปไหนมันก็ตรงเข้ามากระชากแขนฉันแล้วหยิบโทรศัพท์ไปตัดสายจากพี่มินเรียบร้อย แล้วสงสัยว่าเพื่อนมันอีกคนจะได้ยินเสียงไอร่างยักมันโวยวายถึงได้เดินมาสมทบ

         "สวยว่ะ ลุงนี่นานๆทีจะเอาคนสวยๆมาให้จัดที อย่างนี้สงสัยต้องให้โบนัสลุงหน่อยเนอะ ว่าไงมึง" มันหันไปถามเพื่อนมันที่คนที่เพิ่งเดินมาสมทบ ผู้ชายคนนั้นตัวใหญ่พอๆกับไอคนที่จับแขนฉันอยู่นี่เลย แล้วฉันจะเอาแรงที่ไหนไปสู่วะ 

         "เห้ยมึง!! อย่าดิ้นดิวะ!!" ผู้ชายที่จับแขนฉันไว้ตะคอกใส่เสียงดังจนตกใจ ก็จะไม่ได้ดิ้นได้ไงวะ ก็มึงจะถกกระโปรงนักเรียนกูอะ!!

         "มาจับแขนมันหน่อยดิ๊ ดิ้นชิบหายเลย" พอมันกดฉันนอนกับพื้นได้สำเร็จก็รีบขึ้นคร่อมมาอยู่บนร่างของฉันทันที ให้ตายเหอะหนักว่ะ

         ผู้ชายอีกคนเดินมาจับแขนทั้งสองข้างของฉันเอาไว้เหนือศรีษะ แม้จะพยายามออกแรงขืนเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลเลยเพราะสองคนนี้แรงเยอะมากๆ

         "ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรเราเลยนะ.. ฮึก" ไม่ไหวแล้ว ฉันกลัว กลัวจริงๆ ตอนนี้คิดถึงแต่พ่อแม่ ฉันอยากกลับไปเจอเขาสองคน ไม่อยากจะคิดเลยว่าอะไรจะเกิดต่อจากนี้ ถ้ามันขมขื่นฉันสำเร็จแน่นอนว่ามันคงไม่ปล่อยฉันออกไปให้แจ้งความจับมันแน่ๆ จะสู้ก็สู้ไม่ไหว ทำอะไรไม่ได้เลยตอนนี้ได้แต่นอนรอความหวังว่าจะมีคนผ่านมา ใครซักคนก็ได้ที่ผ่านมาแล้วพอช่วยฉันได้

         "นานๆทีจะมีสาวสวยๆมาให้จัด ก็จัดหน่อยซิวะ555555" มันสองคนระเบิดหัวเราะกันดังลั่น ตอนนี้ฉันทำไรได้บ้าง ขอร้องล่ะ มีใครผ่านมาแถวนี้บ้างซิ

         "ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วยค่า!!! ช่ว-"

         "จะแหกปากทำเหี้ยไร!! นอนไปเงียบๆ เก็บเสียงไว้ครางกับพวกกูดีกว่า" 

         "ฮึก..." อยากจะแหกปากร้องออกไปดังๆแต่ทำไม่ได้เพราะผู้ชายที่จับแขนฉันไว้เอามือมาปิดปากฉันแล้วเรียบร้อย ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆสินะ

         ฉันได้แต่เอียงคอหนีหน้าสากๆของคนบนร่าง รังเกียจ.. รังเกียจสัมผัสพวกนี้ อยากจะกัดลิ้นตายไปให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องมารับรู้ว่าพวกมันกำลังทำอะไรกับฉันบ้าง

         พลั๊วะ! ผลัก!

         ในขณะที่ฉันกำลังกลับตานอนรับชะตากรรมที่ตัวเองต้องเจอ จู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเอาไม้มาฟาดกับอะไรซักอย่าง แถมความรู้สึกหนักๆบนตัวก็หายไปแล้วด้วย แปลว่าไอนั้นมันออกไปจากตัวฉันแล้วใช่มั้ย?

         "ซอล เป็นอะไรมั้ย?" ปรือตามองคนตรงหน้าที่กำลังพยุงตัวให้ฉันลุกขึ้น แล้วพอมองดีๆก็ปรากฎว่าเป็นพี่มิน ฉันจึงรีบพุ่งเข้าไปกอดพี่เขาแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายฟ้าอายดินอะไรทั้งสิ้น วินาทีนี้รู้แค่ว่าฉันปลอดภัยแล้ว จะไม่เป็นอะไรแล้ว มันโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก 

          "ไม่เป็นใช่มั้ยเรา?" ฉันส่ายหน้าตอบพี่มินว่าไม่ได้เป็นอะไร ยังดีที่อีสองคนนั้นไม่ได้ต่อยท้องหรือตบหน้าเหมือนในละครทีวี 

         "ตอนนี้เรารีบออกไปจากที่นี่เถอะเดี๋ยวสองคนนี้มันตื่นขึ้นมาแล้วจะยุ่ง"

          พี่มินพยุงตัวฉันให้ลุกขึ้นยืนแล้วจับมือฉันวิ่งไปข้างหน้า อันที่จริงแค่ลุกขึ้นยืนฉันยังไหว ไม่ได้อ่อนแรงขนาดนั้น พวกมันไม่ได้ทำอะไรฉันมาก แต่ก็เกือบเหมือนกัน

         พอออกมาจากตึกร้างนั่นได้ก็เจอกับรถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ข้างหน้า เดาว่าหน้าจะเป็นรถของพี่มิน

         "โทรศัพท์ยังอยู่กับเราหรือเปล่า" พอเดินมาถึงรถพี่มินก็หันมาถามถึงโทรศัพท์ ฉันจึงรีบควานหาตามตัวว่ายังอยู่กับตัวเองหรือเปล่า แล้วก็พบว่าอยู่ในกระเป๋ากระโปรงนักเรียน ว่าแต่... มันมาอยู่ในนี้ได้ไงวะ จำได้ว่าล่าสุดที่เห็นมันคือตอนไอผู้ชายคนนั้นแย่งไปตัดสายจากพี่มิน

         อ๋อ... จำได้ละ พอมันแย่งไปได้ฉันก็แย่งกลับแล้วรีบยัดใส่กระเป๋าตัวเอง สงสัยตอนนั้นมันกลัวจนจำอะไรไม่ได้เลย

         "ยังอยู่"

         "โอเคครับ งั้นขึ้นรถเถอะ" 

         ตลอดทางมีแต่ความเงียบปกคลุมอยู่ภายในรถ ถ้าถามว่าอึดอัดมั้ย ตอบเลยว่าอึดอัด เพราะว่าฉันเองก็ไม่ได้สนิทกับพี่มินมากมาย เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็ตอนไปรับพี่เขาที่สนามบิน พอกลับมาบ้านไอออนก็คุยเล่นกันจนถูกคอ แต่ก็นั่นแหละ... เจอกันครั้งนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ได้คุยกันนิดหน่อยแค่ในแชทเท่านั้น พอต้องมาอยู่กันสองคนในสถานการณ์แบบนี้ก็อึดอัดไม่ใช่น้อย

         "เราโทรบอกพ่อกับแม่หรือยัง ดึกป่านนี้แล้วยังไม่กลับบ้านเขาจะเป็นห่วงเอา" เออว่ะ... ลืมไปเลยว่าไม่ได้บอกพ่อกับแม่ ป่านนี้คงเป็นห่วงแย่

         ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากระโปรงแล้วกดโทรหาแม่ รอเพียงแค่แป๊ปเดียวแม่ก็กดรับแล้วแม่ถามออกมาชุดใหญ่จนฉันต้องรีบเบรกไว้ก่อนเพราะตอบไม่ทัน

         "แม่ใจเย็นๆนะ พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อย แต่ตอนนี้หนูปลอดภัยดี แม่บอกพ่อด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะ... ฮึก... อะไร.. ฮึก.. หนูไม่ได้ร้อง แม่ก็... ฮึก.. อย่าร้องดิ" โอ๊ยยย ไอก้อนสะอื้นนี่ จะมาร้องอะไรตอนนี้วะ คุยไม่รู้เรื่องเลยห่าเหว

         "พี่ขอคุยกับแม่เราหน่อยได้มั้ย?" ฉันหันไปมองพี่มินแบบงงๆ งงว่าพี่เขาจะคุยอะไรกับแม่ แต่จะคุยอะไรก็คุยเหอะ ให้พี่เขาคุยก็ดีเหมือนกันเพราะตอนนี้ตัวเองร้องไห้จนคุยไม่รู้เรื่องแล้ว 

         ฉันยื่นโทรศัพท์ไปให้พี่มินคุยกับแม่ ส่วนตัวเองก็นั่งร้องจนไม่รู้ว่าพี่เขาคุยอะไรกับแม่บ้าง ไม่รู้ว่าฉันหยุดร้องไห้ไปตอนไหนรู้แค่ว่าหน้าจะร้องจนหลับไปเลย ตื่นมาอีกทีก็อยู่หน้าบ้านตัวเองแล้ว

17/10/60

5 - วิวดี

17/10/60
(ต่อจากจอยนะคะ)



          พอเปิดประตูให้รุ่นน้องที่กลายมาเป็นรูมเมทกันชั่วคราวโดยฝีมือเหล่าเพื่อนตัวดีทั้งหลาย หมอกก็เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงโซฟาุมุมห้อง คนที่อยู่ในโลกส่วนตัวไปแล้วอย่างสายหมอกคงจะไม่รู้ว่ารุ่นพี่วาวิวคนนี้กำลังรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก เพราะรูมเมทจำเป็นที่สิงอยู่มุมห้องไม่ได้ปริปากพูดอะไรกับเขาเลยซักคำ

          "หมอกจะอาบน้ำก่อนหรือจะให้พี่อาบก่อน"

         "พี่อาบก่อนเลยก็ได้" หมอกเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมาตอบวาวิวแค่แปปเดียวแล้วก็กลับไปสนใจกับเครื่องมือสื่อสารสี่เหลี่ยมของตัวเองต่อ

         วาวิวหยิบผ้าขนหนูจากกระเป๋าและของใช้ส่วนตัวต่างๆเข้าห้องน้ำไป เอาตรงๆเขาเองก็แอบคิดมากเหมือนกันว่าหมอกอาจจะไม่ชอบเขาหรือเปล่าถึงได้ทำเมินกันขนาดนั้น คงจะเพราะผิดหวังสินะที่เขาไม่ใช่ผู้หญิง...เห้อ

         พอวาวิวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำสายหมอกก็เงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่... ให้ตายเหอะ ทั้งที่พี่วาวิวเขาเป็นผู้ชายแท้ๆแต่ทำไมกลับทำให้เขาเขินได้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่จึงทำให้เขาเขินๆที่จะคุยกับพี่เขาแบบเป็นเรื่องเป็นราว ตอนอยู่บนรถก็คุยกันนับประโยคได้เพราะเขาชิงหลับไปก่อน พอได้มาอยู่กันสองคนแบบนี้ก็ทำเอาเขินๆไม่ใช่น้อยเขาถึงได้ทำเป็นเล่นโทรศัพท์ทั้งๆที่ความจริงมันไม่มีอะไรเลย ได้แต่ไถ่ไทม์ไลน์ไปมาเพราะไม่มีอะไรให้เล่น

         Rrr~ Rrr~

         เสียงโทรศัพท์ของหมอกดังขึ้น และพอมองไปที่หน้าจอก็เจอเข้ากับเบอร์ของการฟเพื่อนตัวแสบ สายหมอกไม่รอช้ากดรับสายของเพื่อนทันที

         [ว่าไงครับน้องหมอก อยู่กับพี่วาวิวมีความสุขดีมั้ย]

         "กวนตีนหรอมึง กูยังไม่ได้คิดบัญชีกับพวกมึงเลยนะ"

         [อะไร คิดบัญชีอะไร พวกกูยังไม่ทันทำอะไรเลย] 

         "อย่ามาทำเนียน กูรู้ว่าพวกมึงนั่นแหละทำให้กูต้องมาอยู่ห้องเดียวกับพี่เขา"

         [แล้วไม่ชอบหรือไง]

         "ไม่ ไม่เลย พวกมึงก็รู้ว่ากูไม่ได้ชอบพี่เขา"

         [เออหน่า อยู่ใกล้กันบ่อยๆเดี๋ยวก็ชอบเองแหละ]

         "ไม่มีทางอะ พี่เขาจืดชืดเกินไป ไม่ใช่สเปคกู"

         [พี่วาวิวมาได้ยินจะเสียใจเอาหน่า]

         "ไม่ว่ายังไงกูก็ไม่มีทางชอบแน่นอน"

         [จะรอดูคนกลืนน้ำลายตัวเอง]

         "ไม่มีทา-" สายหมอกยังพูดไม่ทันจบ เพื่อนตัวดีก็ตัดสายหนีไปก่อนซะแล้ว นิสัยเสียจริงๆ

         แกร๊ก

         วางสายจากกราฟไปได้แปปเดียวเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้นจนต้องหันกลับไปมอง พี่วาวิวอาบน้ำเร็วจังวะ

         "หมอก" ตอนแรกก็มีเพียงแค่เสียงเปิดประตูเขาก็สงสัยว่าทำไมพี่วาวิวไม่ออกมาจากห้องน้ำซักทีทั้งๆที่เสียงเปิดประูตูก็ดังไปสักพักแล้ว แต่จู่ๆเสียงของคนที่อยู่ในห้องน้ำก็เรียกชื่อเขาขึ้นมา เจ้าของชื่อเลยต้องขานรับไปแบบงงๆ

         "ครับ?"

         "พี่วานหยิบแปรงในกระเป๋าให้หน่อย เมื่อกี้ลืมหยิบเข้ามาด้วย"

         สายหมอกเดินไปที่กระเป๋าใส่เสื้อผ้าของพี่วาวิวแล้วหาแปรงสีฟันที่อยู่ในกระเป๋าช่องเล็กตามที่เจ้าของกระเป๋าบอก พอเจอแล้วก็เดินเอาไปให้ที่หน้าประตูแล้วยื่นให้พี่วาวิวที่ยื่นแขนออกมาจากการแง้มประตู

         แขนเล็กฉิบหายเลย แล้วคนห่าไรขาวอย่างกันนีออน... นี่คือความคิืดของสายหมอกที่เห็นแขนที่มีหยดน้ำเล็กๆเกาะอยู่ของคนในห้องน้ำ คนบ้าไรแค่แขนข้างเดียวก็ทำเอาเขาใจสั่นได้ขนาดนี้

         ไม่ๆ เราไม่ได้ชอบผู้ชาย เราชอบผู้หญิง เตือนสติัตัวเองไว้ไอหมอก

         พอพี่วาวิวอาบน้ำเสร็จก็ถึงตาเขาที่ต้องเข้าไปอาบบ้าง สายหมอกใช้เวลาอาบน้ำเร็วกว่าพี่วาวิวมาก เพราะไม่รู้ว่าจะอาบนานไปเพื่ออะไร ราดน้ำ ถูสบู่ แปรงฟัน ก็เสร็จแล้ว

         และเวลาที่เขาไม่อยากให้มาถึงก็มาถึงจนได้ ไอนี่แหละทำสายหมอกคิดหนัก... เตียงมีเตียงเดียว

         "..."

         "..."

         สายหมอกและวาวิวได้แต่ยืนอยู่ข้างเตียงคนละฝั่งอย่างเงียบๆ อันที่จริงผู้ชายด้วยกันมันไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากหรอก แต่ไม่รู้ทำไมถึงต้องมาคิดหนักกับการนอนเตียงเดียวกันแค่นี้ด้วย

         "พี่นอนบนที่นอนก็ได้ เดี๋ยวผมนอนพื้นเอง" ในที่สุดสายหมอกก็ขอเสียสละเองแล้วกัน แค่นอนพื้นไม่ได้ลำบากอะไรมากมาย

         "เห้ย นอนด้วยกันก็ได้ พี่ไม่ได้ซีเรียส" พี่ไม่ซีแ่ต่ผมซี!!

         "ไม่เป็นไรพี่"

         "นอนด้วยกันนี่แหละ ถ้านอนพื้นแล้วหมอกจะเอาผ้าห่มที่ไหน หมอน ผ้าปูอีก"

         "..." เออว่ะ

         "ที่นอนก็ตั้งกว้าง พี่ไม่นอนดิ้นหรอก"

         คิดไปคิดมา ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจไม่ได้ชอบพี่วาวิวจริงแล้วจะคิดมากไปทำไมกับอีแค่นอนด้วยกัน ผู้ชายด้วยกันคิดไรเยอะแยะวะไอหมอก ว่าแล้วสายหมอกก็ตัดสินใจล้มตัวลงนอนบนที่นอนตามด้วยพี่วาวิวที่เพิ่งเดินไปปิดไฟ ตอนนี้เหลือแต่ไฟตรงหัวเตียงที่ส่องแสงสีส้มสลัวๆไม่ให้ภายในห้องมันมืดเกินไป

         พอหัวถึงหมอนทั้งคู่ก็เข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด จากตอนแรกที่กังวลเรื่องนอนด้วยกันแต่พอได้เจอที่นอนนุ่มๆ แอร์เย็นๆ ก็หลับไปง่ายดาย ยังดีที่ผ้าปูมันผื่นใหญ่สายหมอกกับวาวิวจึงไม่ต้องนอนใกล้กันมาก ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงมีใครสักคนที่ไม่หลับแน่ๆ

         .

        .

        .

         วาวิวตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวจึงลุกขึ้นมานั่งบิดไปมาจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น แต่พอมองไปรอบๆก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ตัวเองไม่ได้อยู่บนที่นอนแต่ดันมานั่งแหมะอยู่บนพื้น ก็ได้แต่คิดว่า ลงมาได้ไงวะ

         นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเขาลงมานอนอยู่ข้างล่างได้ไง แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้ปวดหลังมาก วาวิิวลุกขึ้นยืนแล้วบิดขี้เกียจอีกรอบ และพอมองไปที่หน้าต่างก็พบว่าตอนนี้หน้าจะเป็นเวลาตีห้ากว่าๆเพราะฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมาหน่อยแล้ว ไหนๆก็ตื่นแล้วไปเตรียมตัวอาบน้ำเลยดีกว่า

         แต่พอเลื่อนสายตามามองที่เตียงก็พบกับสายหมอกนอนอ้าแข้งอ้าขาเต็มที่นอนจนไม่เหลือที่ให้ใครสามารถนอนได้เลย

         คนนี้หรือเปล่าต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องลงมานอนกับพื้น...
Copyright © HamsterNaphatOne