3/11/60

i'm seol ♢ 8 [1/2]

3/11/60
    (บรรยายเพิ่มเติมจากจอยลดาจ้า)




          "ซอล"

         ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกขอเพื่อนสนิทอย่างออน พลางยกคิ้วข้างหนึ่งเป็นเชิงถามว่ามีอะไร

         "กูว่านั่งแท็กซี่เหอะ จะได้ไม่ต้องรอนาน"

         "ไม่เอาอะ แพง" อะไรของไอเพื่อนคนนี้ อยู่ดีๆมาให้เราไปนั่งแท็กซี่ แพงชิบหายวายวอด ไม่นั่งหรอกโว้ย รถเมล์ถูกกว่าเยอะ รอนานหน่อยมันจะเป็นไรไป

         "เนี่ย แท็กซี่มาพอดี ไปเลยเว้ย" จู่ๆก็ออนก็โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งให้เข้ามาจอดตรงริมฟุตบาตที่เรายืนอยู่

         "เห้ย อะไรของมึงเนี่ย ก็บอกว่าจะกลับรถเมล์" ฉันรีบท้วงขึ้นมาทันทีเพราะอีเพื่อนคนนี้มันกำลังดันให้ฉันเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่ให้ได้

         "เออหน่า เรียกให้แล้ว กูไม่อยากให้มึงรอรถเมล์นาน มันอันตราย" สุดท้ายมันก็ยัดฉันเข้ามานั่งในรถได้สำเร็จ แถมบอกทางคนขับเสร็จสรรพ 

         จริงๆแล้วแท็กซี่เนี่ยอันตรายกว่ารถเมล์อีกนะ ก็แค่รอนานหน่อยจะเป็นอะไรไป แย่หน่อยก็คนเต็มต้องยืนโหนราวเอา แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรซักหน่อย คนในรถเยอะแยะจะมาทำอะไรเราได้ แต่แท็กซี่นี่ดิ... นั่งอยู่ในรถกันสองคน ไม่ได้ขับประจำทาง มันจะพาเราไปข่มขืนที่ไหนก็ได้ อีกอย่างฉันก็เป็นผู้หญิง ให้มานั่งรถแท็กซี่คนเดียวเนี่ยนะ ถ้าแม่รู้โดนบ่นยับชัวร์

         แต่ในเมื่อเข้ามานั่งในรถแล้วจะไปทำอะไรได้ ก็ได้แต่หวังว่าลุงคนขับจะพาฉันไปส่งถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ให้ตายเหอะ เพราะยัยเพื่อนตัวดีแท้ๆ หวังดีไม่เข้าเรื่อง

         นั่งไปได้สักพักฉันก็เริ่มรู้สึกว่ามันทะแม่งๆ ทางนี้มันไม่ใช่ทางกลับบ้านฉันนี่ ลุงแกพาไปไหนเนี่ย!!

         "เออ... ลุงคะ ทางนี้ไม่ได้ไปบ้านหนูนะคะ"

         "ทางนี้ทางลัด แถวบ้านหนูลุงเคยไปส่งผู้โดยสารบ่อย ทางนี้มันถึงเร็วกว่า" ลุง... กูรู้ว่ามึงหลอกกู อย่ามาต้มกูนะอีลุงนี่ ทางนี้มันคนละทางเลยเว้ย มันจะไปลัดได้ไงวะ 

         "งั้นลุงปล่อยหนูลงตรงนี้เลย"

         "อ้าว ทำไมล่ะ" ไม่หน้าถาม ก็กูไม่อยากไปกับมึงแล้วไงอีห่า

         "พอดีบ้านเพื่อนหนูอยู่แถวนี้ วันนี้หนูจะนอนบ้านมัน"

         "แต่อีกนิดเดียวก็จะทะลุซอยบ้านหนูแล้วนะ จะถึงบ้านแล้วก็ไปลงบ้านเลยทีเดียว"

         "คือ... หนูลืมของอยู่บ้านมันด้วย ว่าจะแวะไปเอาอะค่ะ"

          "โอเคๆ งั้นลงตรงนี้เลยนะ" ว่าแล้วลุงแกก็หักพวกมาลัยไปจอดอยู่ข้างๆทาง

         โอ้โห้.... เปลี่ยวยังกะหนังผี

          "ลุงช่วยพาหนูออกจากซอยนี้หน่อยได้มั้ยคะ? มันเปลี่ยวอะ"

         "ก็บอกจะลงตรงนี้ไม่ใช่หรอ ก็ลงไปดิ" ลุงเริ่มออกฤทธ์ละ

         "แต่ตรงนี้มันเปลี่ยวนะลุง จะให้ผู้หญิงคนเดียวมาเดินอยู่แถวนี้อะหรอ?"

         "บอกเองไม่ใช่หรอว่าบ้านเพื่อนอยู่แถวนี้"

         "มันอยู่แถวนี้แต่ไม่ได้อยู่ในซอยนี้ ที่นี่หนูไม่เคยมา"

         "ไม่รู้ล่ะ บอกจะลงก็ลง เอาเงินมาจ่ายด้วย" 

         "เท่าไหร่?"

         "340" พระเจ้า!! ขับมาแค่นี้ 340 บาท ลุง... กูว่ามึงโกงกูแล้วแหละ

         "อะไรอะลุง ขับมาแค่นี้ตั้งสามร้ายกว่าบาทแพงไปปะ"

         "จะจ่ายไม่จ่าย ไม่จ่ายกูปาด" ชิบหายละ แถวนี้ไม่มีคนเดินผ่านด้วย ทำไงดีว่ะ ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลืออยู่แค่สามร้อยกับเศษอีกห้าสิบ ถ้าจ่ายแม่งไปก็เหลือแค่สิบบาทดิ ขูดเนื้อสุดๆ

         แต่ถ้ามันปาดคอขึ้นมาจริงๆเรานี่แหละจะแย่ นอกจากจะตายแล้วมันยังเอาเงินไปอีก แถมมันจะทำอะไรกับร่างกายเราตอนไม่มีลมหายใจแล้วก็ไม่รู้ จ่ายก็จ่ายวะ ไอหน้าเงินเอ้ย! จะจำทะเบียนรถเอาไว้แล้วแจ้งจับมึง!!

         ฉันหยิบเงินในกระเป๋าที่มีอยู่น้อยนิดยื่นไปให้อีลุงคนขับรถหน้าเงินที่นั่งอยู่ข้างๆ 

         "แล้วก็ลงไปได้แล้ว" ถ้าส่งกูถึงบ้านแล้วค่อยโกงจะไม่ว่าสักคำ อย่างน้อยก็ถึงบ้านแล้ว นี่อะไร ที่ไหนก็ไม่รู้ แถมเงินติดตัวตอนนี้ก็เหลืออยู่แค่สิบบาท ค่ารถเมล์จะพอหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก่อนอื่นต้องหาทางออกไปจากอีซอยนี่ก่อน วังเวงชิบหาย ผีอะไม่กลัวหรอก กลัวคนด้วยกันนี่แหละ

         แต่จะเดินไปข้างหน้าหรือข้างหลังดี เพราะไม่รู้ว่าทางไหนมันทางออก กลัวเดินๆไปแล้วเจอทางตัน หรือไม่ก็พวกนักเลง ประมาณว่าถิ่นนี้ของกูใครมาเหยียบจะไม่มีทางรอดออกไปเด็ดขาด แค่คิดก็ขาแข็งก้าวไม่ออกแล้ว 

         คิน... เออว่ะ อีคิน ทักไปให้มันมารับดีกว่า อย่างน้อยมันก็มีมอไซต์ขับมารับ 

         ว่าแล้วก็กดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียว แล้วส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิทข้างบ้านที่รู้จักกันมาตั้งแต่อยู่ ป.1

        แต่ทักไปเท่าไหร่คินก็ไม่ยอมตอบซักที ถ้าไม่ใช่ตอนเช้า รัวแชทไปขนาดนี้มันหน้าจะตอบได้แล้วนะแต่ทำไมตอนนี้ถึงยังไม่อ่านอีก

         ฉันรัวแชทไปหาคินเรื่อยๆแต่เจ้าตัวก็ยังไม่อ่านซักที อะไรของมันวะ ทำไมเวลาคับคันถึงไม่มาตอบเนี่ย

         ppakin : ขอโทษนะคะ
         ppakin : นี่ใครเอ่ย?

         อะไร? กูมากกว่าปะที่ต้องถามว่ามึงอะใคร 

         U.seol : เธอเป็นใครอะ

         ppakin : เราเป็นแฟนคิน

         วอท??? อีคินมันมีแฟนด้วยหรอวะ?? เห็นมีแต่ผู้หญิงที่คุยเล่นๆ ไปมีแฟนเมื่อไหร่วะ อย่างนี้เจอกันต้องเคลียร์ แอบไปมีแฟนไม่บอกเพื่อนฝูง

         U.seol : คินมันมีแฟนด้วยหรอวะ

         ppakin : ก็เรานี่ไง
         ppakin : แล้วเธอล่ะใคร

         คบกับมันแล้วไม่รู้หรือไงว่านี่เพื่อนมัน คนเขาก็รู้กันทั้งโรงเรียนว่ากูกับมันเพื่อนสนิทกัน อีนี่ไปหลบอยู่หลุมไหนมา

         U.seol : เราเพื่อนคิน
         U.seol : บอกมันให้มาตอบเราหน่อย

         ppakin : เพื่อนจริงหรือเปล่า
         ppakin : ทำไมเราต้องให้ตอบ

         โว๊ะอีนี่ หึงไม่ดูเวล่ำเวลา กูจะโดนฆ่าหมกป่าอยู่แล้ว แฟนอีคินนี่คนไหนวะ บอกเลยนะว่าอีนี่กูไม่ถูกชะตาอย่างแรง

         U.seol : โอ๊ยยยยยย
         U.seol : มาหึงอะไรตอนนี้
         U.seol : บอกให้มันมารับเราหน่อยเหอะ

         ppakin : คินหลับอยู่ค่ะ
         ppakin : เมื่อกี้จัดหนักไปหน่อย
         ppakin : หน้าจะยังเพลียๆอยู่

         น่ะ... จำเป็นจะต้องอวด อวดไปก็เท่านั้นแหละมึง กูไม่ได้อิจฉา แต่คือตอนนี้กูกำลังโมโห มันใช่เวลามาอวดมั้ยว่าเพิ่งจัดหนักจัดเต็มมา อย่าให้อยู่ใกล้กูนะมึง เดี๋ยวมีหลังแหวน

         U.seol : เพลียไม่เพลียก็ปลุกมันขึ้นมา

         ppakin :  :)

         U.seol : ส้นตีน

         เอาล่ะกูไม่ชอบอีนี่ กูแอนตี้ค่ะอีคิน จะคบกันก็อย่าพามาให้กูเห็นหน้านะ เดี๋ยวตีนกูลั่น

         แล้วตอนนี้ใครมันพอจะพึ่งได้บ้างวะ... อ๋อ อีตัวดี ไอออนตัวต้นเหตุที่ทำให้กูต้องมาอยู่ตรงนี้

         แต่ออนก็มาแนวเดียวกับคิน คือรัวแชทไปแล้วก็ไม่อ่านไม่ตอบ เป็นไงล่ะ เพื่อนฉันแต่ล่ะคน เพื่อนดีศรีสยามไหมล่ะสังคม

         เอาวะ... ทักใครได้ก็ทักไปก่อนล่ะตอนนี้ 

         และก็เห็นว่าคนเพิ่งที่คุยไปไม่นานนี้ก็มีอยู่ไม่กี่คน พี่มินก็ได้วะ พี่เขาดูพึ่งพาได้สุดแล้ว

         และพอทักไปได้แค่สองประโยคพี่เขาก็ตอบเร็วอย่างสายฟ้าแลบ เร็วจนตกใจ คือพี่นั่งเฝ้าแชทอยู่หรือว่าไง

         พี่เขาบอกให้ฉันแชร์โลเคชั่น... แต่ปัญหาคือฉันแชร์โลเคชั่นไม่เป็น บรรลัยละ

         ตอนนี้ฉันยังยืนอยู่ที่เดิม ที่ที่อีลุงนั่นพามาปล่อยไว้นั่นแหละ เพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหนเลยได้แต่ยืนเฉยๆอยู่กับที่ แต่ตอนนี้คงต้องเดินแล้วแหละเพราะรู้สึกว่ามีคนเดินตามหลังมาสองคน ปิดหน้าปิดตาจนหน้ากลัวแถมยังเป็นตอนกลางคืนยิ่งเห็นหน้ายากเข้าไปใหญ่

         เพื่อให้แน่ใจว่ามันตามฉันจริงๆ ฉันเลยลองวิ่งดู จากตอนแรกที่วิ่งช้าๆตอนนี้ฉันต้องเร่งความเร่วขึ้น เพราะอีสองคนนั้นมันวิ่งตามมาจริงๆ!!

         ฉันวิ่งเข้าไปในตึกร้างที่สภาพจะพังอยู่ร่อมร่อแต่ตอนนี้ไม่มีที่ไหนที่สามารถแอบมันได้แล้ว ตอนนี้ฉันกลัวจนทำอะไรไม่ถูก มือไม้สั่นไปหมด จะพิมพ์ตอบพี่มินแต่ละประโยคก็ยากเย็นเหลือเกินเพราะมือสั่นจนพิมพ์ผิดจนต้องลบไปหลายรอบ

         minimin : เดี๋ยวพี่โทรไปแล้วซอลรับนะ

         พอพี่มินโทรไลน์เข้ามาฉันก็รีบกดรับทันที ดีที่ปิดเสียงเอาไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ในห้องเรียน ไม่งั้นสองคนนั้นต้องได้ยินเสียงโทรศัพท์ของฉันแน่ๆ

         "อยู่นี่เองน้องสาว" 

         "!!!!!!" 

         ทันทีที่หันไปทางต้นเสียงก็เจอเข้ากับผู้ชายตัวสูงใส่หมวกปิดหน้าเอาไว้คนหนึ่ง ฉันตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก วินาทีนั้นคิดแค่อย่างเดียวว่าต้องวิ่งหนีให้ได้ แต่ยังไม่ได้ทันได้วิ่งไปไหนมันก็ตรงเข้ามากระชากแขนฉันแล้วหยิบโทรศัพท์ไปตัดสายจากพี่มินเรียบร้อย แล้วสงสัยว่าเพื่อนมันอีกคนจะได้ยินเสียงไอร่างยักมันโวยวายถึงได้เดินมาสมทบ

         "สวยว่ะ ลุงนี่นานๆทีจะเอาคนสวยๆมาให้จัดที อย่างนี้สงสัยต้องให้โบนัสลุงหน่อยเนอะ ว่าไงมึง" มันหันไปถามเพื่อนมันที่คนที่เพิ่งเดินมาสมทบ ผู้ชายคนนั้นตัวใหญ่พอๆกับไอคนที่จับแขนฉันอยู่นี่เลย แล้วฉันจะเอาแรงที่ไหนไปสู่วะ 

         "เห้ยมึง!! อย่าดิ้นดิวะ!!" ผู้ชายที่จับแขนฉันไว้ตะคอกใส่เสียงดังจนตกใจ ก็จะไม่ได้ดิ้นได้ไงวะ ก็มึงจะถกกระโปรงนักเรียนกูอะ!!

         "มาจับแขนมันหน่อยดิ๊ ดิ้นชิบหายเลย" พอมันกดฉันนอนกับพื้นได้สำเร็จก็รีบขึ้นคร่อมมาอยู่บนร่างของฉันทันที ให้ตายเหอะหนักว่ะ

         ผู้ชายอีกคนเดินมาจับแขนทั้งสองข้างของฉันเอาไว้เหนือศรีษะ แม้จะพยายามออกแรงขืนเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลเลยเพราะสองคนนี้แรงเยอะมากๆ

         "ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรเราเลยนะ.. ฮึก" ไม่ไหวแล้ว ฉันกลัว กลัวจริงๆ ตอนนี้คิดถึงแต่พ่อแม่ ฉันอยากกลับไปเจอเขาสองคน ไม่อยากจะคิดเลยว่าอะไรจะเกิดต่อจากนี้ ถ้ามันขมขื่นฉันสำเร็จแน่นอนว่ามันคงไม่ปล่อยฉันออกไปให้แจ้งความจับมันแน่ๆ จะสู้ก็สู้ไม่ไหว ทำอะไรไม่ได้เลยตอนนี้ได้แต่นอนรอความหวังว่าจะมีคนผ่านมา ใครซักคนก็ได้ที่ผ่านมาแล้วพอช่วยฉันได้

         "นานๆทีจะมีสาวสวยๆมาให้จัด ก็จัดหน่อยซิวะ555555" มันสองคนระเบิดหัวเราะกันดังลั่น ตอนนี้ฉันทำไรได้บ้าง ขอร้องล่ะ มีใครผ่านมาแถวนี้บ้างซิ

         "ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วยค่า!!! ช่ว-"

         "จะแหกปากทำเหี้ยไร!! นอนไปเงียบๆ เก็บเสียงไว้ครางกับพวกกูดีกว่า" 

         "ฮึก..." อยากจะแหกปากร้องออกไปดังๆแต่ทำไม่ได้เพราะผู้ชายที่จับแขนฉันไว้เอามือมาปิดปากฉันแล้วเรียบร้อย ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆสินะ

         ฉันได้แต่เอียงคอหนีหน้าสากๆของคนบนร่าง รังเกียจ.. รังเกียจสัมผัสพวกนี้ อยากจะกัดลิ้นตายไปให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องมารับรู้ว่าพวกมันกำลังทำอะไรกับฉันบ้าง

         พลั๊วะ! ผลัก!

         ในขณะที่ฉันกำลังกลับตานอนรับชะตากรรมที่ตัวเองต้องเจอ จู่ๆก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเอาไม้มาฟาดกับอะไรซักอย่าง แถมความรู้สึกหนักๆบนตัวก็หายไปแล้วด้วย แปลว่าไอนั้นมันออกไปจากตัวฉันแล้วใช่มั้ย?

         "ซอล เป็นอะไรมั้ย?" ปรือตามองคนตรงหน้าที่กำลังพยุงตัวให้ฉันลุกขึ้น แล้วพอมองดีๆก็ปรากฎว่าเป็นพี่มิน ฉันจึงรีบพุ่งเข้าไปกอดพี่เขาแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายฟ้าอายดินอะไรทั้งสิ้น วินาทีนี้รู้แค่ว่าฉันปลอดภัยแล้ว จะไม่เป็นอะไรแล้ว มันโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก 

          "ไม่เป็นใช่มั้ยเรา?" ฉันส่ายหน้าตอบพี่มินว่าไม่ได้เป็นอะไร ยังดีที่อีสองคนนั้นไม่ได้ต่อยท้องหรือตบหน้าเหมือนในละครทีวี 

         "ตอนนี้เรารีบออกไปจากที่นี่เถอะเดี๋ยวสองคนนี้มันตื่นขึ้นมาแล้วจะยุ่ง"

          พี่มินพยุงตัวฉันให้ลุกขึ้นยืนแล้วจับมือฉันวิ่งไปข้างหน้า อันที่จริงแค่ลุกขึ้นยืนฉันยังไหว ไม่ได้อ่อนแรงขนาดนั้น พวกมันไม่ได้ทำอะไรฉันมาก แต่ก็เกือบเหมือนกัน

         พอออกมาจากตึกร้างนั่นได้ก็เจอกับรถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ข้างหน้า เดาว่าหน้าจะเป็นรถของพี่มิน

         "โทรศัพท์ยังอยู่กับเราหรือเปล่า" พอเดินมาถึงรถพี่มินก็หันมาถามถึงโทรศัพท์ ฉันจึงรีบควานหาตามตัวว่ายังอยู่กับตัวเองหรือเปล่า แล้วก็พบว่าอยู่ในกระเป๋ากระโปรงนักเรียน ว่าแต่... มันมาอยู่ในนี้ได้ไงวะ จำได้ว่าล่าสุดที่เห็นมันคือตอนไอผู้ชายคนนั้นแย่งไปตัดสายจากพี่มิน

         อ๋อ... จำได้ละ พอมันแย่งไปได้ฉันก็แย่งกลับแล้วรีบยัดใส่กระเป๋าตัวเอง สงสัยตอนนั้นมันกลัวจนจำอะไรไม่ได้เลย

         "ยังอยู่"

         "โอเคครับ งั้นขึ้นรถเถอะ" 

         ตลอดทางมีแต่ความเงียบปกคลุมอยู่ภายในรถ ถ้าถามว่าอึดอัดมั้ย ตอบเลยว่าอึดอัด เพราะว่าฉันเองก็ไม่ได้สนิทกับพี่มินมากมาย เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็ตอนไปรับพี่เขาที่สนามบิน พอกลับมาบ้านไอออนก็คุยเล่นกันจนถูกคอ แต่ก็นั่นแหละ... เจอกันครั้งนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ได้คุยกันนิดหน่อยแค่ในแชทเท่านั้น พอต้องมาอยู่กันสองคนในสถานการณ์แบบนี้ก็อึดอัดไม่ใช่น้อย

         "เราโทรบอกพ่อกับแม่หรือยัง ดึกป่านนี้แล้วยังไม่กลับบ้านเขาจะเป็นห่วงเอา" เออว่ะ... ลืมไปเลยว่าไม่ได้บอกพ่อกับแม่ ป่านนี้คงเป็นห่วงแย่

         ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากระโปรงแล้วกดโทรหาแม่ รอเพียงแค่แป๊ปเดียวแม่ก็กดรับแล้วแม่ถามออกมาชุดใหญ่จนฉันต้องรีบเบรกไว้ก่อนเพราะตอบไม่ทัน

         "แม่ใจเย็นๆนะ พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อย แต่ตอนนี้หนูปลอดภัยดี แม่บอกพ่อด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะ... ฮึก... อะไร.. ฮึก.. หนูไม่ได้ร้อง แม่ก็... ฮึก.. อย่าร้องดิ" โอ๊ยยย ไอก้อนสะอื้นนี่ จะมาร้องอะไรตอนนี้วะ คุยไม่รู้เรื่องเลยห่าเหว

         "พี่ขอคุยกับแม่เราหน่อยได้มั้ย?" ฉันหันไปมองพี่มินแบบงงๆ งงว่าพี่เขาจะคุยอะไรกับแม่ แต่จะคุยอะไรก็คุยเหอะ ให้พี่เขาคุยก็ดีเหมือนกันเพราะตอนนี้ตัวเองร้องไห้จนคุยไม่รู้เรื่องแล้ว 

         ฉันยื่นโทรศัพท์ไปให้พี่มินคุยกับแม่ ส่วนตัวเองก็นั่งร้องจนไม่รู้ว่าพี่เขาคุยอะไรกับแม่บ้าง ไม่รู้ว่าฉันหยุดร้องไห้ไปตอนไหนรู้แค่ว่าหน้าจะร้องจนหลับไปเลย ตื่นมาอีกทีก็อยู่หน้าบ้านตัวเองแล้ว

Copyright © HamsterNaphatOne